097-456-7891 ถึง 5
@mb.co LOG IN

เรื่องราวครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากเกมการแข่งขัน ยูฟา แชมเปี้ยนส์ลีก ที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในนัดล่าสุดและโซลชาได้นำทีมทั้งหมดลงเหว ทัวร์จึงพากันไปลงที่ โอเล กุนนาร์ โซลชา

สาเหตุเริ่มต้นไม่ได้มีอะไรมากมายเท่าไรนัก แต่ด้วยความกังวลของผู้จัดการแดงที่ทำทีมแบบมาดีๆหายๆ แม้ว่าเจอทีมที่ไม่ต้องกดดันมากนักเนื่องจาก มีคะแนนตุนไว้ต้องการเพียงแค่ผลเสมอเท่านั้นก็จะเข้ารอบแบบลอยลำ แน่นอนว่าการเป็นที่ 1 ของกลุ่มมาถึง 4 นัด และกลับกลายเป็นว่าเขาคือผู้พ่ายแพ้ตกรอบยูฟา เพราะความคิดมากของคนเป็นผู้จัดการทีม

จากเดิมที่เคยใช้แผงกองหลัง 4 คน ปรับเปลี่ยนเป็น 5 คน ในระบบวิงแบคเติมเกมรุกช่วยในการทำทีม ผลสุดท้ายกลับเละเทะไม่เป็นท่า เพราะความกดดันในแนวรุกมันต่ำเตี้ยเรี่ยดินจนเกินไป ความสามารถในการทะลุทะลวงเพื่อทำประตูไม่มีความดุดันเพียงพอที่จะข่มให้ อาร์เบ ไลป์ซิก เกรงกลัวได้

 

ผลที่ปรากฏออกมาคือทีมเล่นไม่เป็นทรง เหมือนว่าพวกเขาต้องการแค่ผลเสมอ ในการเล่นแบบนี้ถ้าหากว่าถามโค้ชทั่วโลกแน่นอนว่าทั้งหมดต้องบอกเป็นเสียงเดียวกันว่ามันยากยิ่งกว่าเล่นเพื่อชัยชนะเสียอีก

นี่คือความเสียหายที่ส่งผลต่อ ทีมปิศาจแดงแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดอย่างแท้จริง เป็นความเสียหายที่ประเมินค่าไม่ได้ หรือ ถ้าหากตีเป็นราคามากกว่า 10 ล้านปอนด์อย่างแน่นอน เสียงแวกระซิบจากเดิมๆที่มีเพียงไม่มากเท่าไร ตอนนี้กลับกลายเป็นเสียงเรียกร้องให้ปลดกุนซือ

ในส่วนเรื่องผู้จัดการทีม เชื่อว่าเด็กผีหลายคนคงเบื่อเต็มทน ในขณะที่มีการเรียกร้องให้ปลดเขาออกไป ก็จะมีลูปนรกกลับมาแทน เพราะ หลังจากที่ทำเกมแย่ออกมา เขาก็จะทำทีมให้ผลงานดีจนประเด็นในเรื่องนี้หายไป เรียกได้ว่านี่มันคือความไม่คงเส้นคงวาของการทำทีม

แต่หากพูดถึงการเปลี่ยนแปลงผู้จัดการทีมย่อมมีการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นหรือไม่ก็แย่ลง แต่ตัวเต็งที่มีโอกาสมากุมบังเหี้ยนใหม่ของปิศาจแดงคงหนีไม่พ้น เมาริซิโอ โปเช็ตติโน และ มัสซิมิลิอาโน อัลเลก แต่คะแนนเสียงเทไปทาง อดีตกุนซือ ท็อตแนม ฮ็อทสเปอร์ เพราะทรงบอลดูตื่นเต้นเร้าใจ แต่ถ้าหากมองดูดีๆสไตล์การเล่นแบบตื่นเต้นเร้าใจ โซลชา เองก็พยายามที่จะสร้างให้กับทีม แต่เพียงว่าดูไม่ค่อยเป็นทรงเท่าไร แต่ที่ประสบความสำเร็จยังคงมีเพียงป๋าเฟอร์กี้เท่านั้น

เมื่อหมดยุคของป๋าเฟอร์กี้แฟนบอลก็ยังคงโหยหาสไตล์การเล่นแบบนี้ มันจึงกลายเป็นหอกทิ่มแทงสโมสร ขนาด 2 กุนซือดังระดับโลกยังโดนเล่นงาน ไม่ว่าจะเป็นหลุยส์ ฟาน กัล หรือ โชเซ มูรินโญ แม้ว่าจะมีผลงานแต่รูปแบบการเล่นดันไม่ถูกใจสาวกปิศาจแดง

แต่ก็ต้องบอกว่าลูปนรกไม่ได้มีเพียงผลแพ้ชนะเท่านั้น แต่กับแนวทางบริหารทีมก็เป็นเช่นเดียวกัน หากใครที่ติดตามแบบเหนียวแน่น จะรู้ดีว่าปีแรกจะยอมทุ่มงบประมาณเต็มที่เพื่อผู้จัดการทีมคนใหม่ ในปีที่สองเงินแบจะไม่ออกจากกระเป๋า และ ปีที่สามทำการปลดกุนซือและหาคนมาทำทีมใหม่

ดังนั้นถ้าบอร์ดบริหารกำลังคิดถึงเรื่องการเปลี่ยนตัวผู้จัดการทีม สิ่งแรกที่จะต้องตัดสินใจก็คือ พวกเขาต้องการอะไรมากกว่ากันระหว่างสไตล์การเล่นอันดุดันเร้าใจกับความสำเร็จที่จับต้องได้